เพศสัมพันธ์ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่มีความสำคัญต่อสุขภาพจิตและร่างกาย อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยอาจนำไปสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ การตระหนักถึงความเสี่ยงและเรียนรู้วิธีป้องกัน เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีชีวิตทางเพศที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดี บทความนี้ จะอธิบายถึงวิธีลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผ่านการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจสุขภาพทางเพศ และพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย
เพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัย เชื่อมโยงกับโรคติดต่อทางเพศอย่างไร?
เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเป็นแนวทางที่ช่วยลดความเสี่ยง ในการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ การป้องกันอย่างถูกต้อง ไม่เพียงช่วยลดโอกาสของการติดเชื้อ แต่ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเพศที่ดี และลดภาระทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections – STIs) เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก ตัวอย่างของโรคที่พบบ่อย ได้แก่:
- เอชไอวี (HIV): ไวรัสที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและนำไปสู่โรคเอดส์
- หนองในแท้และหนองในเทียม: ทำให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัดและตกขาวผิดปกติ
- ซิฟิลิส: อาจทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศและมีผลกระทบต่อระบบประสาทหากไม่ได้รับการรักษา
- เริมที่อวัยวะเพศ: เกิดจากไวรัส HSV ทำให้เกิดแผลและตุ่มน้ำ
- HPV และมะเร็งปากมดลูก: ไวรัสที่สามารถนำไปสู่หูดที่อวัยวะเพศและมะเร็งบางชนิด
- ไวรัสตับอักเสบบีและซี: ติดเชื้อผ่านทางเลือดและของเหลวในร่างกาย ทำให้เกิดโรคตับ
วิธีการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก |
ผ่านแผลเปิดบริเวณอวัยวะเพศหรือการสัมผัสกับผิวหนังที่ติดเชื้อ |
ผ่านการสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งจากช่องคลอด |
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง
“ถุงยางอนามัย” ถือเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อใช้อย่างถูกวิธี นอกจากนั้นยังช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจไม่ได้ตระหนักถึงรายละเอียดปลีกย่อยในการเลือกใช้และขั้นตอนการสวมใส่ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการป้องกัน ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญที่ควรทำความเข้าใจ
- เลือกขนาดที่เหมาะสม
- เลือกถุงยางอนามัยให้พอดีกับขนาดอวัยวะเพศ
- ถุงยางที่คับหรือหลวมเกินไป อาจฉีกขาดหรือลื่นหลุดได้ง่าย
- ตรวจสอบสภาพและวันหมดอายุ
- ก่อนใช้งานทุกครั้ง ควรดูที่ซองให้แน่ใจว่าไม่มีรอยฉีกขาดหรือหมดอายุ
- เลือกถุงยางอนามัยให้พอดีกับขนาดอวัยวะเพศ
- วิธีสวมและถอดถุงยางอนามัย
- สวมถุงยางตั้งแต่ก่อนมีการสอดใส่
- อย่ารอจนใกล้เสร็จกิจ เพราะของเหลว (น้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติหรืออสุจิ) ที่ออกมาอาจมีเชื้อเอชไอวีหรือเชื้อโรคอื่น ๆ ได้
- เว้นที่ว่างบริเวณปลายถุงยางเพื่อรองรับอสุจิ
- บีบปลายถุงยางขณะสวม เพื่อลดโอกาสถุงยางแตก
- รูดถุงยางลงให้สุดอวัยวะเพศ
- เพื่อให้แนบสนิทและไม่หลวมจนหลุดง่าย
- ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
- ห้ามนำถุงยางอนามัยกลับมาใช้ซ้ำ เพราะโอกาสฉีกขาดจะเพิ่มสูงมากและมีเชื้อสะสมอยู่
- สวมถุงยางตั้งแต่ก่อนมีการสอดใส่
- ใช้สารหล่อลื่นที่เหมาะสม
- เลือกสารหล่อลื่นแบบน้ำ (Water-based) หรือซิลิโคน (Silicone-based)
- เพราะไม่ไปทำลายเนื้อยางของถุงยางอนามัย
- หลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- เช่น วาสลีน เบบี้ออยล์ หรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะทำให้ยางเปราะและขาดง่ายขึ้น
- เลือกสารหล่อลื่นแบบน้ำ (Water-based) หรือซิลิโคน (Silicone-based)

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทาง เพศสัมพันธ์
- วัคซีน HPV: ป้องกันการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี: ป้องกันโรคตับอักเสบที่สามารถแพร่กระจายผ่านเพศสัมพันธ์
การใช้ยา PrEP และ PEP เพื่อป้องกันเอชไอวี
- PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis): ยาที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ควรรับประทานก่อนมีความเสี่ยง
- PEP (Post-Exposure Prophylaxis): ยาที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงภายใน 72 ชั่วโมง
พฤติกรรมทางเพศที่ช่วยลดความเสี่ยงของ STIs
- การมีคู่นอนที่ปลอดภัย
- การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนคนเดียวที่ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ช่วยลดความเสี่ยง
- การพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ช่วยสร้างความมั่นใจและป้องกันโรค
- การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจทำให้ขาดสติและมีพฤติกรรมที่เสี่ยงมากขึ้น
การปฏิบัติตัวหลังมี เพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยง
- การทำความสะอาดร่างกายและอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์
- การปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- การล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่อ่อนโยน
- สังเกตสัญญาณของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรระวัง
- อาการผิดปกติ เช่น คัน แสบ ปัสสาวะแสบขัด หรือมีตกขาวผิดปกติ
- หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กล่าวโดยสรุป เพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และรักษาสุขภาพที่ดี การใช้ถุงยางอนามัย ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ ฉีดวัคซีน และปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องหลังมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย และการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสุขภาพทางเพศที่ดี และปลอดภัยสำหรับทุกคน
ขอบคุณข้อมูลจาก:
กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ (www.pidst.or.th/A732.mobile)
กามโรค เชื้อร้ายกลายพันธุ์ พัฒนาเป็น “ซูเปอร์กามโรค” 4 ชนิด (www.bbc.com/thai/features-47116825)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (www.ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=30)