เพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัย – วิธีลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อ

By kappok tongtana

เพศสัมพันธ์ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่มีความสำคัญต่อสุขภาพจิตและร่างกาย อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยอาจนำไปสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ การตระหนักถึงความเสี่ยงและเรียนรู้วิธีป้องกัน เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีชีวิตทางเพศที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดี บทความนี้ จะอธิบายถึงวิธีลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผ่านการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจสุขภาพทางเพศ และพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย

เพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัย เชื่อมโยงกับโรคติดต่อทางเพศอย่างไร?

เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเป็นแนวทางที่ช่วยลดความเสี่ยง ในการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ การป้องกันอย่างถูกต้อง ไม่เพียงช่วยลดโอกาสของการติดเชื้อ แต่ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเพศที่ดี และลดภาระทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections – STIs) เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก ตัวอย่างของโรคที่พบบ่อย ได้แก่:

  • เอชไอวี (HIV): ไวรัสที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและนำไปสู่โรคเอดส์
  • หนองในแท้และหนองในเทียม: ทำให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัดและตกขาวผิดปกติ
  • ซิฟิลิส: อาจทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศและมีผลกระทบต่อระบบประสาทหากไม่ได้รับการรักษา
  • เริมที่อวัยวะเพศ: เกิดจากไวรัส HSV ทำให้เกิดแผลและตุ่มน้ำ
  • HPV และมะเร็งปากมดลูก: ไวรัสที่สามารถนำไปสู่หูดที่อวัยวะเพศและมะเร็งบางชนิด
  • ไวรัสตับอักเสบบีและซี: ติดเชื้อผ่านทางเลือดและของเหลวในร่างกาย ทำให้เกิดโรคตับ

วิธีการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และทางปาก
ผ่านแผลเปิดบริเวณอวัยวะเพศหรือการสัมผัสกับผิวหนังที่ติดเชื้อ
ผ่านการสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งจากช่องคลอด

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง

“ถุงยางอนามัย” ถือเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อใช้อย่างถูกวิธี นอกจากนั้นยังช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจไม่ได้ตระหนักถึงรายละเอียดปลีกย่อยในการเลือกใช้และขั้นตอนการสวมใส่ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการป้องกัน ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญที่ควรทำความเข้าใจ

“ChatLove2test"
  • เลือกขนาดที่เหมาะสม
    • เลือกถุงยางอนามัยให้พอดีกับขนาดอวัยวะเพศ
      • ถุงยางที่คับหรือหลวมเกินไป อาจฉีกขาดหรือลื่นหลุดได้ง่าย
    • ตรวจสอบสภาพและวันหมดอายุ
      • ก่อนใช้งานทุกครั้ง ควรดูที่ซองให้แน่ใจว่าไม่มีรอยฉีกขาดหรือหมดอายุ
  • วิธีสวมและถอดถุงยางอนามัย
    • สวมถุงยางตั้งแต่ก่อนมีการสอดใส่
      • อย่ารอจนใกล้เสร็จกิจ เพราะของเหลว (น้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติหรืออสุจิ) ที่ออกมาอาจมีเชื้อเอชไอวีหรือเชื้อโรคอื่น ๆ ได้
    • เว้นที่ว่างบริเวณปลายถุงยางเพื่อรองรับอสุจิ
      • บีบปลายถุงยางขณะสวม เพื่อลดโอกาสถุงยางแตก
    • รูดถุงยางลงให้สุดอวัยวะเพศ
      • เพื่อให้แนบสนิทและไม่หลวมจนหลุดง่าย
    • ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
      • ห้ามนำถุงยางอนามัยกลับมาใช้ซ้ำ เพราะโอกาสฉีกขาดจะเพิ่มสูงมากและมีเชื้อสะสมอยู่
  • ใช้สารหล่อลื่นที่เหมาะสม
    • เลือกสารหล่อลื่นแบบน้ำ (Water-based) หรือซิลิโคน (Silicone-based)
      • เพราะไม่ไปทำลายเนื้อยางของถุงยางอนามัย
    • หลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
      • เช่น วาสลีน เบบี้ออยล์ หรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะทำให้ยางเปราะและขาดง่ายขึ้น
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทาง เพศสัมพันธ์

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อทาง เพศสัมพันธ์

  • วัคซีน HPV: ป้องกันการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ
  • วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี: ป้องกันโรคตับอักเสบที่สามารถแพร่กระจายผ่านเพศสัมพันธ์

การใช้ยา PrEP และ PEP เพื่อป้องกันเอชไอวี

  • PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis): ยาที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ควรรับประทานก่อนมีความเสี่ยง
  • PEP (Post-Exposure Prophylaxis): ยาที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงภายใน 72 ชั่วโมง

พฤติกรรมทางเพศที่ช่วยลดความเสี่ยงของ STIs

  • การมีคู่นอนที่ปลอดภัย
    • การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนคนเดียวที่ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ช่วยลดความเสี่ยง
    • การพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ช่วยสร้างความมั่นใจและป้องกันโรค
  • การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
    • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
    • หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจทำให้ขาดสติและมีพฤติกรรมที่เสี่ยงมากขึ้น

การปฏิบัติตัวหลังมี เพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยง

  • การทำความสะอาดร่างกายและอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์
  • การปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • การล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่อ่อนโยน
  • สังเกตสัญญาณของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรระวัง
    • อาการผิดปกติ เช่น คัน แสบ ปัสสาวะแสบขัด หรือมีตกขาวผิดปกติ
    • หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที
การปฏิบัติตัวหลังมี เพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยง

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

กล่าวโดยสรุป เพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และรักษาสุขภาพที่ดี การใช้ถุงยางอนามัย ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ ฉีดวัคซีน และปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องหลังมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย และการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสุขภาพทางเพศที่ดี และปลอดภัยสำหรับทุกคน

ขอบคุณข้อมูลจาก:
กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ (www.pidst.or.th/A732.mobile)
กามโรค เชื้อร้ายกลายพันธุ์ พัฒนาเป็น “ซูเปอร์กามโรค” 4 ชนิด (www.bbc.com/thai/features-47116825)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (www.ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=30)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save