ยาป้องกัน HIV รุ่นใหม่เข้าถึงได้ในราคาถูกกว่าเดิม

By kappok tongtana

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2025 UNAIDS ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า มีข้อตกลงใหม่เพื่อให้ ยาป้องกัน HIV (รวมถึง Lenacapavir แบบฉีดครึ่งปี) เข้าถึงได้ง่ายและราคาถูกสำหรับคนที่ต้องการ โดยจะลดราคาจากสหรัฐอเมริกาที่เคยอยู่ที่ USD 28,000 ต่อคนต่อปี ลงมาเหลือ USD 40 ต่อคนต่อปี สำหรับการป้องกัน (prevention)

ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านการร่วมมือระหว่าง UNAIDS, UNITAID, Clinton Health Access Initiative (CHAI), Wits RHI กับผู้ผลิตเจนเนอริกในอินเดีย (Dr Reddy’s Laboratories และ Hetero Drugs) เพื่อสนับสนุนการผลิตยา Lenacapavir เจนเนอริก โดยมีการให้เงินทุนล่วงหน้า (upfront funding) และการประกันปริมาณการผลิต เพื่อให้ราคายาเมื่อจำหน่ายจริงสามารถอยู่ในระดับที่ประเทศรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถซื้อได้

Love2test

ในแถลงการณ์ของ Gates Foundation ก็มีการประกาศว่าร่วมมือกับผู้ผลิตเจนเนอริก Hetero Labs ของอินเดีย เพื่อทำให้ Lenacapavir แบบเจนเนอริกจำหน่ายในราคาประมาณ USD 40 ต่อคนต่อปี (หลังจากผ่านช่วงยากินเตรียมตัวก่อนฉีด) การเคลื่อนไหวยังเกิดควบคู่กับความร่วมมือกับ Dr Reddy’s Laboratories เพื่อสร้างตลาดเจนเนอริกที่แข่งขันได้ และเร่งการอนุมัติยานี้ในหลายประเทศ การขยายตลาดเข้าถึงระดับประเทศรายได้ต่ำและกลางอาจเริ่มได้ตั้งแต่ปี 2025 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติทางกฎหมายและระบบสุขภาพในแต่ละประเทศ

การประกาศนี้ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” เพราะถ้ายา Lenacapavir ถูกผลิตและจำหน่ายในราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้จริง ยาจะกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในการป้องกัน HIV ในนโยบายสาธารณสุขของหลายประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ยาให้เฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

Lenacapavir คืออะไร และทำไมการลดราคาจึงมีความหมาย

Lenacapavir เป็น ยาป้องกัน HIV แบบ ฉีด (long-acting injectable PrEP) ที่ให้ผลคุ้มครองได้ราว 6 เดือน (สองครั้งต่อปี) แทนที่การกินยาเป็นประจำทุกวัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ช่วยลดภาระเรื่องการยึดติด (adherence) และความลำบากในการพกยาในชีวิตประจำวัน

“ChatLove2test"

ในการทดลองทางคลินิกบางชุด เช่นการทดลอง PURPOSE 2 บ่งชี้ว่า Lenacapavir มีประสิทธิภาพในการลดการติดเชื้อ HIV อยู่ในช่วง 96% ถึง 100% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ใช้ยาแบบกินหรือมาตรการอื่น ๆ

ความท้าทายในอดีตหนึ่งประการของ Lenacapavir คือ ราคาที่สูงมาก เมื่อเป็นยา branded (ไม่ใช่ generic) ทำให้หลายประเทศรายได้น้อยถึงกลางไม่สามารถนำเข้าได้ เมื่อประกาศลดราคาลงเหลือ USD 40 ต่อคนต่อปี สำหรับการป้องกัน (ไม่รวมยาที่ใช้ในช่วงเริ่มต้น) จึงเป็นการเปิดทางให้ประเทศจำนวนมากสามารถปรับนโยบายสาธารณสุขให้รองรับยาได้

อีกจุดสำคัญคือ การสร้างตลาดเจนเนอริกที่แข่งขันได้ — การมีผู้ผลิตหลายรายจะทำให้ราคายาแข่งขัน ลดโอกาสผูกขาด และกระจายอุปทานยาไปยังประเทศต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น

ผลกระทบและบทวิเคราะห์: โอกาส &อุปสรรค

ยาป้องกัน HIV

การที่ Lenacapavir มีราคาถูกลงเป็นก้าวสำคัญ แต่การนำไปใช้จริงยังมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา

โอกาส

  1. เพิ่มการเข้าถึง PrEP อย่างกว้างขวาง
    ด้วยราคาที่ต่ำลง ประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลางสามารถจัดซื้อให้ประชาชนในระบบสาธารณสุขได้ ทำให้ PrEP ไม่ใช่ยาเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป
  2. ลดอุปสรรคทางเศรษฐกิจของผู้ใช้
    ผู้ที่มีรายได้จำกัดจะไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายสูง สามารถใช้ PrEP ได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องราคายา
  3. ส่งเสริมนวัตกรรมและการแข่งขันในตลาดยา
    การผลิต Lenacapavir แบบเจนเนอริกโดยหลายผู้ผลิตจะช่วยแข่งขันด้านราคาและคุณภาพ รวมถึงเร่งให้เกิดการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ
  4. ช่วยประเทศบรรลุเป้าหมายลดการติดเชื้อ HIV
    UNAIDS ระบุว่าในปี 2024 มีผู้ติดเชื้อ HIV ใหม่ 1.3 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ การเข้าถึง Lenacapavir อย่างแพร่หลายอาจช่วยดันตัวเลขลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

อุปสรรคและข้อจำกัด

  1. การอนุมัติในแต่ละประเทศ
    ถึงแม้จะมีข้อตกลงระหว่างผู้ผลิตกับองค์กรระหว่างประเทศ แต่ยา Lenacapavir แบบเจนเนอริกยังต้องผ่านกระบวนการอนุมัติในแต่ละประเทศก่อนใช้งานในระบบสาธารณสุข
  2. ระบบบริการฉีดยา & บุคลากร
    ประเทศที่ไม่มีโครงสร้างบริการฉีดยาที่ครอบคลุมอาจต้องปรับปรุงคลินิก ฝึกบุคลากร และจัดระบบขนส่งยา
  3. ติดตาม / ดูแลผู้ใช้
    ผู้ใช้ Lenacapavir ยังคงต้องมาตรวจเลือด / ติดตามผลสุขภาพเป็นระยะ การมีระบบนัดหมาย แจ้งเตือน และติดตามผลเป็นสิ่งจำเป็น
  4. ปัญหาการดื้อยา /การใช้ไม่ถูกวิธี
    ถ้าใช้ในคนที่ติดเชื้อ HIV โดยไม่รู้ตัว อาจเกิดการดื้อยาได้ จึงต้องมีการตรวจ HIV ให้แน่ใจก่อนใช้
  5. ความยั่งยืนของตลาดยา
    ถึงแม้ราคาจะถูกลง แต่การที่เกิดขึ้นเป็นระยะสั้นหรือถูกจำกัดการผลิตอาจทำให้หลายประเทศลังเลนำเข้า

สิ่งที่ประเทศไทยควรเตรียมตัว

ยาป้องกัน HIV

เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่ นี่คือแนวทางที่ควรเริ่มดำเนินการ:

  • ติดตามและเตรียมการอนุมัติ Lenacapavir ใน อย. /สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้สามารถนำเข้าและใช้งานได้เร็ว
  • ประเมินโครงสร้างบริการฉีดยาในโรงพยาบาล /คลินิกชุมชน ปรับระบบให้สามารถให้บริการฉีดยา long-acting ได้
  • เตรียมแผนงบประมาณ /นโยบายราคา เพื่อรองรับการนำ Lenacapavir เข้ามาในระบบประกันสุขภาพ (เช่น บัตรทอง)
  • สร้างความรู้ /รณรงค์ ให้ประชาชนเข้าใจ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ ปลอดภัย และเข้าถึงได้
  • ฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่เหมาะสมกับการให้บริการ
  • เชื่อมโยงกับเครือข่ายองค์กรชุมชน / NGO เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

การประกาศจาก UNAIDS และ Gates Foundation ในเดือนกันยายน 2025 เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในแนวทางป้องกัน HIV — การทำให้ Lenacapavir (PrEP แบบฉีดครึ่งปี) เป็นยาเข้าถึงได้ในราคาที่คนทั่วไปจ่ายไหว อาจพลิกโฉมการป้องกัน HIV โดยเฉพาะในประเทศรายได้น้อยถึงกลาง

แต่การที่ ยาป้องกัน HIV เข้าถึงได้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด — สิ่งที่สำคัญคือการวางระบบบริการฉีดยา การอนุมัติ กฎหมาย นโยบายราคา ความรู้ของประชาชน และการสร้างบทบาทให้ผู้ให้บริการสุขภาพเป็น “สะพาน” ที่นำยาไปถึงผู้คนจริง ๆ

“PrEPLove2test"

ถ้าประเทศใดเตรียมพร้อมได้ดี ยา Lenacapavir อาจกลายเป็นตัวหลักในการป้องกัน HIV ในยุคต่อไป — และประเทศไทยถ้าปรับตัวให้ทัน ก็มีโอกาสเป็นหนึ่งในผู้นำในภูมิภาค

ที่มา

https://www.unaids.org/en/resources/presscentre/pressreleaseandstatementarchive/2025/september/20250924_hiv-prevention-medicines

https://www.unaids.org/en/resources/presscentre/pressreleaseandstatementarchive/2025/september/20250924_hiv-prevention-medicines

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save